รวม 5 Error Code 3 หลักของเว็บไซต์ที่พบบ่อย พร้อมวิธีแก้ไขอย่างถูกต้อง

ความแตกต่างระหว่าง Impression กับ Traffic ที่นัก SEO ควรรู้

ทำความรู้จักกับ Error Code 3 หลักบนเว็บไซต์

Error Code 3 หลัก คือ รหัสสถานะของ HTTP (HTTP Status Codes) ที่ถูกส่งจากเซิร์ฟเวอร์เพื่อตอบสนองต่อคำขอจากผู้ใช้ เช่น การเข้าชมหน้าเว็บ การทำแบบฟอร์ม หรือการร้องขอข้อมูลบนเว็บไซต์ ซึ่งรหัสนี้ช่วยให้เราทราบสถานะการทำงานของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือมีปัญหา ในบทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Error Code ที่พบบ่อย รวมถึงวิธีแก้ไขเบื้องต้นเพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User Experience) และ SEO

404 Page Not Found

1. Error 404 Not Found

ความหมาย
Error 404 เกิดขึ้นเมื่อหน้าที่คุณพยายามเข้าถึงไม่มีอยู่ หรือถูกลบไปแล้ว

วิธีแก้ไข

  • ตรวจสอบ URL ว่าพิมพ์ถูกต้องหรือไม่
  • ใช้เครื่องมือ Redirect 301 เพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้าใหม่
  • ตรวจสอบลิงก์ภายในเว็บไซต์ที่นำไปยังหน้าที่ไม่มีอยู่
403 Forbidden

2. Error 403 Forbidden

ความหมาย
Error 403 หมายถึง คุณไม่มีสิทธิ์เข้าถึงหน้าหรือไฟล์ที่ร้องขอ

วิธีแก้ไข

  • ตรวจสอบสิทธิ์ของไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่เกี่ยวข้อง (File Permissions)
  • อัปเดตไฟล์ .htaccess ให้มีค่าที่ถูกต้อง
  • ตรวจสอบว่าไฟร์วอลล์ของเซิร์ฟเวอร์หรือปลั๊กอินความปลอดภัยไม่ได้บล็อกการเข้าถึง
500 Internal Server Error

3. Error 500 Internal Server Error

ความหมาย
เป็นข้อผิดพลาดทั่วไปที่เกิดจากเซิร์ฟเวอร์ขัดข้องหรือมีการตั้งค่าที่ผิดพลาด

วิธีแก้ไข

  • ล้างแคชของเว็บไซต์และเบราว์เซอร์
  • ตรวจสอบไฟล์ .htaccess ว่ามีความผิดพลาดหรือไม่
  • เพิ่มค่า memory_limit ในไฟล์ php.ini
  • ติดต่อโฮสติ้งสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหากปัญหายังคงอยู่
502 Bad Gateway

4. Error 502 Bad Gateway

ความหมาย
Error นี้เกิดขึ้นเมื่อเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นเกตเวย์หรือพร็อกซีไม่สามารถรับการตอบสนองที่ถูกต้องจากเซิร์ฟเวอร์ต้นทาง

วิธีแก้ไข

  • ลองโหลดหน้าเว็บใหม่
  • ตรวจสอบสถานะของโฮสติ้งหรือเซิร์ฟเวอร์ต้นทาง
  • ลบแคชของเบราว์เซอร์และ CDN
503 Service Unavailable

5. Error 503 Service Unavailable

ความหมาย
หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ยังไม่พร้อมให้บริการ อาจเกิดจากเซิร์ฟเวอร์มีภาระโหลดสูงหรืออยู่ระหว่างการบำรุงรักษา

วิธีแก้ไข

  • รอจนกว่าบริการจะกลับมาให้ใช้งานได้อีกครั้ง
  • ตรวจสอบการตั้งค่าการบำรุงรักษาหรือการตั้งค่าคิวงานบนเซิร์ฟเวอร์
  • ปรับแต่งทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์ให้เพียงพอต่อการรองรับผู้ใช้งาน

วิธีป้องกันและดูแล Error Code เพื่อเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ

  • ตรวจสอบลิงก์ภายในเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงลิงก์เสีย
  • สำรองข้อมูลเว็บไซต์ เป็นประจำเพื่อให้สามารถกู้คืนได้เมื่อต้องเผชิญปัญหา
  • ใช้เครื่องมือเว็บมาสเตอร์ เช่น Google Search Console เพื่อดูการแจ้งเตือนเกี่ยวกับข้อผิดพลาด
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ กด "MORE INFO" เพื่ออ่านเพิ่มเติม หรือกด "ACCEPT" เพื่อยอมรับข้อตกลงในการเก็บข้อมูล